วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2562

หนูศัตรูพืช



           เกษตรกรจำนวนมากต้องประสบปัญหาการรุกรานเข้าทำลายของหนู ซึ่งการเข้าทำลายของสัตว์ชนิดนี้ ส่งผลเสียอย่างมากกับสวนของเรา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาจจะไม่กินบริเวณกว้างมากนัก แต่ถ้ามันทำลายต้นไม้ที่รัก หรือมีราคาแพง ก็ทำให้เราเจ็บใจได้เช่นกัน  ในหัวข้อนี้เราจะมาเรียนรู้ชนิดของหนูที่ทำลายผลผลิตของเราที่มีอยู่ในประเทศไทย  และวิธีป้องกันและกำจัดหนูเพื่อเป็นแนวทางในการปรับใช้ต่อไป
1.ลักษณะทั่วไปของหนู
            หนูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก  รูปร่างทรงกระบอกมี 4 เท้า สามารถกำรงชีวิตได้ในเกือบทุกสภาพภูมิอากาศ มีความหลากหลายในเรื่องของอาหารและที่อยู่  หนูมีขนปกคลุมทุกส่วนของร่างกายยกเว้นหาง หางใช้เป็นอวัยวะช่วยให้เกิดความสมดุลเวลาปีนป่าย  ขาคู่หน้าสั้นกว่าขาคู่หลัง มีนิ้วข้างละ4นิ้ว ส่วนขาหลังมีนิ้วข้างละ5นิ้ว  หนูมีฟันกรามและใบหูที่ค่อนข้างใหญ่  หัวติดกับลำตัวจนมองเกือบไม่เห็นว่ามีคอ  และส่วนสำคัญที่สุดของหนูที่สามารถทำลายพืชผลและสิ่งของต่างๆได้อย่างมากมายมหาศาลคือ ฟันแทะ

2.ชนิดของหนูศัตรูพืช
            ลักษณะที่ใช้จำแนกชนิดของหนู คือ ลักษณะภายนอก ขนาด น้ำหนัก ลักษณะสีขน สี จำนวนเต้านม (เพศเมีย) และอื่นๆ ลักษณะเหล่านี้จะต้องดูจากหนูที่เต็มไว้แล้วเท่านั้น
            2.1 หนูพุก เป็นหนูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำหนวนหนูศัตรูพืชในประเทศไทย  ลักษณะสำคัญคือ หน้าสั้น ขนหลังสีดำปนเทาหรือดำตลอด ขนท้องสีเทา หางดำตลอด  ความยาวของหางสั้นกว่าความยาวหัวและลำตัวนมกัน ที่หางมีเกล็ดหยาบ ฟันแทะคู่บนมีความกว้างรวมทั้ง 2 ซี่ เท่ากับ 4 ม.ม. หรือมากกว่า   หนูพุกชอบส่งเสียงร้องขู่เมื่อพบศัตรูหรือเมื่อจับได้  ชาวบ้านชอบรับประทานเพราะตัวขนาดใหญ่และมีเนื้อมาก หนูพุกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ


            2.1.1 หนูพุกใหญ่  มีขนาดใหญ่ที่สุดตัวโตเมไวที่ 200-800 กรัม  ขนตามลำตัวส่วนหลังมีสีดำ บางครั้งอาจมีสีน้ำตาลเข้ม  บริเวณด้านหลังมีแผงขนสีดำ จะตั้งขึ้นเห็นชัดเจนเมื่อตกใจ ชาวบ้านจึงเรียก หนูแผง เสียงขู่ร้องในลำคอดังมาก  ตีนหลังมีสีดำและยาวมาก เพศเมียมีเต้านมที่อก3คู่ ที่ท้อง 3 คู่
            2.2.2 หนูพุกเล็ก ลักษณะทั่วไปคล้ายหนูพุกใหญ่  แต่มีขนาดเล็กกว่า น้ำหนักประมาณ 200 กรัม  ขนตามลำตัวส่วนหลังสีเทาเข้ม ส่วนด้านท้องสีเทาอ่อน บางครั้งมีขนสีขาวขึ้นแซม ปกติหางมีสีเดียวกันตลอดทั้งหาง
2.2 หนูท้องขาว  เป็นหนูขนาดกลาง ซึ่งพบเห็นกันทั่วๆไปตามบ้าน และไร่นา มีขนบริเวณท้องมีทั้งสีเทา สีขาวครีม และสีเงิน ส่วนขนที่หลัวมีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ  หรือสีน้ำตาลแดง บางชนิดมีเหลืองปนอยู่ด้วย บางชนิดมีสีขาวอมน้ำตาล หนูท้องขาวมีอยู่ 6 ชนิดคือ

            2.2.1 หนูนาใหญ่  ขนลำตัวด้านหลังสีเหลืองปนเทาหรือมีขนสีดำแซมมาก ขนบนตีนหลังขาว มีแถบดำยาว ขนท้องมีสีเงินปนขาวหรือเทาอ่อน น้ำหนักเมื่อโตเต็มวัย 100-250 กรัม
หางมีสีดำตลอด ส่วนใหญ่ความยาวหางสั้นกว่าความยาวลำตัวรวมกัน มีขนสีส้มกลุ่มเล็กๆที่โคนหู ซึ่งมักพบในหนูที่ยังไม่โตเต็มวัย หนูเพศเมียมีเต้านม3คู่ที่ส่วนอก และ 3คู่ที่ส่วนท้อง
            2.2.2 หนูนาเล็ก มีน้ำหนักประมาณ 77-100 กรัม ลำตัวส่วนหลังและตีนหลังมีสีน้ำตาลคล้ำหือปนดำ นุ่มและไม่มีขนแข็งแทรก ส่วนท้องขนมีสีเทาขี้เถ้า  ความยาวหางสั้นกว่าความยาวหัวและลำตัวรวมกัน หูเล็ก ส่วนจมูกทู่ เพศเมียมีเต้านม 2 คู่ที่บริเวณอกและ 3 คู่ที่บริเวณท้อง
            2.2.3 หนูท้องขาวบ้าน ปกติสีขนด้านหลังเป็นสีน้ำตาลและกลางหลังมีขนแข็งสีดำแทรกอยู่ ขนด้านท้องสีขาวครีม บางครั้งมีแถบขนสีน้ำตาลคล้ำยาวจากส่วนคอถึงกลางอก บริเวณขนตีนหลังส่วนใหญ่ยาวและมีขนดำแทรกปะปนบ้าง หางดำตลอดและมีเกล็ดละเอียดเล็กๆและยางมากว่าความยาวหัวและลำตัวรวมกัน จมูกแหลมจึงทำให้หน้าค่อนข้องแหลมด้วย หูใหญ่ ตาโต เพศเมียมีเต้านม 2 คู่ ที่อก และ 3คู่ที่ท้อง
            2.2.4 หนูป่ามาเลย์ ขนด้านหลังสีน้ำตาลปนเขียวมะกอกและเข้มมากขึ้นบริเวณกลางหลังถึงบั้นท้าย ขนเรียบไม่มีขนแข็งแทรกปะปน ขนด้านท้องขาวหรือปนเทาจางๆเพศเมียมีเต้านม2คู่ที่อกและ3คู่ที่ท้อง  เป็นหนูขนาดกลางมีน้ำหนักประมาณ 55-152 กรัม
            2.2.5 หนูจี๊ด พบตามบ้านเรือนโดยเฉาะในห้องเก็บของ ลิ้นชักตู้ มีน้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 27-60 กรัม ตาโต ตีหลังยาวประมาณ 22-26 ซม. หางยาวกว่าหัวและลำตัวมาก และมีสีเดียวตลอด ขนด้านหลังมีสีน้ำตาลแก่ ขนด้านท้องมีสีเทาเข้ม เพศเมียมีเต้านม 2 คู่บริเวณอก และ 2 คู่ ที่บริเวณท้อง

            2.2.6 หนูนอร์เวย์ มีน้ำหนักประมาณ 200-500  บางทีเรียกหนูชนิดนี้ตามแหล่งที่อยู่อาศัย จึงทำให้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ หนูท่อ หนูขยะ เป็นต้น  ลักษณะ หางสั้นกว่าความยาวหัวและลำตัวรมกัน ละมี 2 สี ด้านบนสีดำกว่าด้านล่าง หน้าป้านหรือทู่กว่าหนูท้องขาวบ้าน ตีนหลังใหญ่และขาวตลอด
            2.3 หนูหริ่ง เป็นหนูที่มีขนาดเล็กที่สุด น้ำหนักตัวอยู่ระหว่าง 8-20กรัม ลักษณะเด่นของหนูชนิดนี้คือ ความยาวฟันกรามซี่แรกด้านบนยาวมากกว่าครึ่งหนึ่งของฟันกรามทั้งแถว  ขนลำตัวด้านหลังสีเทา ด้านท้องสีขาว ทางมี 2 สี เพศเมียมีเต้านม 3 คู่ที่อกและ 2 คู่ที่ท้อง ในประเทศไทยมี 2 ชนิดคือ

           2.3.1 หนูหริ่งนาหางยาว ลักษณะ สีผิวด้านหน้าของฟันแทะคู่บนมีสีแทนหรือสีน้ำตาลเข้มมากกว่าหนูหริ่งชนิดอื่นๆ ส่วนฟันแทะคู่ล่างมีสีขาว จมูกสั้น  จึงทำให้ส่วนหน้าทู่ หางยาวกว่าความยาวส่วนหัวและลำตัวรมกัน และมี2สีชัดเจนคือ สีด้านบนของหางมีสีดำ และในขณะที่ด้านล่างมีสีขาว ตีนหลังใหญ่และมีขนขาวปนเทา
          2.3.2 หนูหริ่งหางสั้น  ฟันแทะคู่โค้งงอเข้าด้านใน สีของฟันคู่ล่างขาวหรือคล้ำกว่าสีฟันของหนูหริ่งหางยาว สีผิวด้านหน้าของฟันแทะคล้ายของหนูหริ่งหางยาวแต่อ่อนกว่า จมูกยาวกว่า จึงทำให้ส่วนหน้าแหลม ตีนหลังขาว หางมี 2 สีแต่อ่อนกว่าของหนูหริ่งหายยาว และหางสั้นกว่าความยาวหัวลำตัวรวมกัน
การควบคุมหนู  แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ
1.การป้องกันกำจัดหนูโดยไม่ใช้สารเคมี ได้แก่
-  การปรับปรุงสภาพแวดล้อม  และจัดการวัชพืชในแปลงปลูกพืช
- การลดจำนวนหนูโยใช้เครื่องดับจับหรือดักจับตาย
- การกันหนูไม่ให้เข้ามายังแปลงปลูกพืช เช่น การล้อมรั้วด้วยพลาสติก แผ่นฟอล์ย หรือลวดไฟฟ้า
- การใช้ศัตรูธรรมชาติ เช่นการเลี้ยงหรืออนุรักษ์สัตว์กินหนูเป็นอาหาร เช่น แมว นก งู เป็นต้น  การใช้จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคในหนู เป็นต้น
2.การป้องกันกำจัดหนูโดยใช้สารเคมี ได้แก่การลดจำหนวนหนูด้วยสารเคมีกำจัดหนู  หรือการไล่หนูด้วยสารเคมี หรือการกำจัดหนูโดยใช้สารรม
            สารเคมีกำจัดหนูแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
            -สารกำจัดหนูออกฤทธิ์เร็ว เช่น ซิงค์ฟอสไฟด์ หรือยาดำ ก๊าซฟอสฟีน เป็นสารออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาทและการทำงานของตับและไต ทำให้หนูตายภายใน 3-24 ชม.
            - สารกำจัดหนูออกฤทธิ์ช้า เช่น คูมาเตตราริล โบรมาดิโอโลน ไดเฟทไทอาโลน และ โฟลคูมาเฟน เป็นต้น สารออกฤทธิ์ทำให้เลือดไม่แข็ง จึงทำให้มีการไหลเวียนเลือดหรือเลือดตกในระบบอวัยวะต่างๆ

            หนูถือเป็นสัตว์ที่สร้างความสียหายให้กับผลผลิตเราก็จริง  แต่ในทางกลับกันหนูก็เป็นส่วนหนึ่งของบ่วงโซ่อาหาร เป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ  ไม่ว่าจะเป็นด้านกายภาพ หรือชีวภาพเองก็ดี เพราะ ฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจกำจัดหนู โดยเฉพาะวิธีที่ใช้สารเคมี ให้เรา คำนวณปริมาณความเสียหายก่อน ว่ามีมากเกินไปหรือไม่ เพราะสารเคมีที่นำมากำจัดหนูไม่เพียงแต่ออกฤทธิ์ค่าหนูเท่านั้น อาจจะส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ รวมถึงสัตว์เลี้ยง และตัวเราด้วย


ข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดช่วยกันแนะนำด้วยครับ
Fond Plants lll

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น